สังคมก้มหน้า
สังคมก้มหน้า (Social Ignore)
Social มีความหมายว่า สังคม ,เกี่ยวกับสังคม, เกี่ยวกับการอยู่เป็นหมู่
Ignore มีความหมายว่า ไม่สนใจ, ละเลย, ไม่ยอมรับรู้ ,ทำไม่รู้ไม่ชี้ , มองข้าม
สังคมก้มหน้า (Social Ignore) จึงมีความหมายว่า คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในสังคม หรือทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน โดยคนกลุ่มนี้จะพกพาอุปกรณ์ที่เรียกว่า สมาร์ทโฟน ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบุคลที่อยู่ในสังคมกลุ่มนี้ จะทำกิจกรรมร่วมกับเราตามปกติ แต่คุยกันเล็กน้อยเมื่อพบกัน แล้วก็หยิบ สมาร์ทโฟนออกมาใช้ โดยไม่สนใจคนรอบข้าง ต่างคนต่างเข้าสู่โลกของตัวเองผ่านทาง Social Network ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนของตนเองมากกว่า
สังคมก้มหน้า (Social Ignore) จึงมีความหมายว่า คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในสังคม หรือทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน โดยคนกลุ่มนี้จะพกพาอุปกรณ์ที่เรียกว่า สมาร์ทโฟน ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบุคลที่อยู่ในสังคมกลุ่มนี้ จะทำกิจกรรมร่วมกับเราตามปกติ แต่คุยกันเล็กน้อยเมื่อพบกัน แล้วก็หยิบ สมาร์ทโฟนออกมาใช้ โดยไม่สนใจคนรอบข้าง ต่างคนต่างเข้าสู่โลกของตัวเองผ่านทาง Social Network ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนของตนเองมากกว่า
ประโยชน์จากการเล่นสมาร์ทโฟน มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น
1. ใช้สื่อสารทางไกล
2. สามารถถ่ายภาพ ติดตามข่าวสาร ท่องอินเตอร์เน็ต
3. ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น บางครั้งอาจจะใช้แทนคอมพิวเตอร์ได้เลย
4. สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันทีหากเกิดเหตุด่วน
จากตัวอย่างประโยชน์ที่กล่าวมา ในทางกลับกันกลับพบว่าการเล่นสมาร์ทโฟนก็สามารถให้โทษกับเราได้เช่นกัน หากเราเล่นสมาร์ทโฟนมากเกินไป หรือ การใช้สมาร์ทโฟนเกินความจำเป็นอาจจะทำให้เกิดผลอื่นๆตามมาได้หลายอย่างตัวอย่าง เช่น
จากตัวอย่างประโยชน์ที่กล่าวมา ในทางกลับกันกลับพบว่าการเล่นสมาร์ทโฟนก็สามารถให้โทษกับเราได้เช่นกัน หากเราเล่นสมาร์ทโฟนมากเกินไป หรือ การใช้สมาร์ทโฟนเกินความจำเป็นอาจจะทำให้เกิดผลอื่นๆตามมาได้หลายอย่างตัวอย่าง เช่น
1. ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ว่าได้ยินเสียงโทรเข้ามา
2. อาจโดนหลอกลวงจากคนที่รู้จักกันใน social network ได้ง่าย
3. ทำให้สมองฟ่อลง จะพึ่งพาความจำของเครื่องโทรศัพท์แทนการใช้สมองของตน
4. ทำให้เป็นภาระทางการเงินต้องหาเงินมาจ่ายค่าโทร
และการเล่นสมาร์ทโฟนอาจทำให้เกิดโรคต่อไปนี้
ปัจจัย ที่ทำให้คนติดสมาร์ทโฟน
เราสามารถพบคนก้มหน้าเล่นสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คนเหล่านี้ติดสมาร์ทโฟนมีดังนี้
สภาพสาเหตุ ของการติด โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ผลการสำรวจในสหราชอาณาจักรอังกฤษรวม 298 ราย พบว่าเกินครึ่งยอมรับว่าการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คมีผลต่อพฤติกรรมตนเองโดยในจำนวนนี้ 53 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่ามีผลต่ออารมณ์ ในขณะที่ 51 เปอร์เซ็นต์บอกว่าการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ส่งผลให้รู้สึกแย่กับเวลาที่เสียไป
เราสามารถพบคนก้มหน้าเล่นสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คนเหล่านี้ติดสมาร์ทโฟนมีดังนี้
สภาพสาเหตุ ของการติด โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ผลการสำรวจในสหราชอาณาจักรอังกฤษรวม 298 ราย พบว่าเกินครึ่งยอมรับว่าการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คมีผลต่อพฤติกรรมตนเองโดยในจำนวนนี้ 53 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่ามีผลต่ออารมณ์ ในขณะที่ 51 เปอร์เซ็นต์บอกว่าการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ส่งผลให้รู้สึกแย่กับเวลาที่เสียไป
นอกจากนี้
โซลเชียลเน็ตเวิร์คยังส่งผลต่อพฤติกรรมด้านลบในเชิงต่อต้านด้วย อาทิ
ความต้องการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นๆ ในสังคม และมีอาการ ”เสพติด” กล่าวคือรู้สึกกังวลหรือไม่สบายใจเมื่อไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวในสังคมออนไลน์
ความเครียดดังกล่าว ยังส่งผลให้ 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม
รู้สึกว่ามีพฤติกรรมแยกตัวเองออกจากโซลเชียลเน็ตเวิร์คอย่างสิ้นเชิงในบางครั้ง
ด้วยการปิดโทรศัพท์มือถือและเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
เพราะต้องการพักผ่อนโดยปราศจากการรับรู้เรื่องราวที่อัพเดทอยู่ในโลกออนไลน์
และประมาณ 1 ใน 3 ยอมรับว่า
ทำเช่นนี้หลายต่อหลายครั้งในแต่ละวัน เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของตนเอง
องค์กร Anxiety UK ซึ่งเป็นผู้ทำวิจัยเรื่องนี้กล่าวว่า ความตึงเครียดต่อข้อมูลข่าวสารและลำดับรายการที่ตนเองต้องทำ ก่อให้เกิดความเครียดและความกลัวการเข้าสังคม จึงจำเป็นต้องอาศัยการผ่อนคลายและการฟื้นฟูตนเอง โดย Anxiety UK แนะนำว่า บางคนอาจต้องปรับตนเองใหม่ในการควบคุมเทคโนโลยีที่ใช้ แทนที่จะถูกเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ควบคุมตนเอง
องค์กร Anxiety UK ซึ่งเป็นผู้ทำวิจัยเรื่องนี้กล่าวว่า ความตึงเครียดต่อข้อมูลข่าวสารและลำดับรายการที่ตนเองต้องทำ ก่อให้เกิดความเครียดและความกลัวการเข้าสังคม จึงจำเป็นต้องอาศัยการผ่อนคลายและการฟื้นฟูตนเอง โดย Anxiety UK แนะนำว่า บางคนอาจต้องปรับตนเองใหม่ในการควบคุมเทคโนโลยีที่ใช้ แทนที่จะถูกเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ควบคุมตนเอง
“ถ้าพบว่าเริ่มตึงเครียดจากเรื่องนี้
แสดงว่าความกดดันจากเทคโนโลยีกำลังเข้าสู่จุดผกผัน โดยทำให้คนเรารู้สึกไม่ปลอดภัย
และสับสนทางจิตใจ” Nicky Lidbetter, CEO ของ Anxiety
UK กล่าวถึงกระนั้น
โซเชียลเน็ตเวิร์คก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายของสังคม โดย Lidbetterกล่าวว่าเทคโนโลยีนั้นมีส่วนช่วยผู้คนได้อย่างมากเช่นกัน
โดยอุปกรณ์นำสมัยอย่างโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และโซเชียลเน็ตเวิร์คก็ทำให้คนที่ต้องอยู่แต่ในบ้านเพราะสภาวะทางกายและทางจิต
อาทิ ผู้มีอาการกลัวที่โล่งแจ้ง (Agoraphobia) มีโอกาสพูดคุยโต้ตอบกับคนอื่นๆ
ได้ง่ายกว่าแต่ก่อน และสร้างพัฒนาการในเชิงบวกให้เกิดขึ้นได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในแง่การนำผลสำรวจนี้ไปใช้งานจริงในบ้านเรา ยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจทำให้ไม่ตรงกับความเป็นจริง อาทิ สภาพสังคม วัฒนธรรรม สิ่งแวดล้อมการทำงาน ฯลฯ ซึ่งประเทศในเอเซียมีสภาวะกดดันทางสังคมที่แตกต่างจากประเทศทางตะวันตกอยู่ไม่น้อย ดังนั้น หากหน่วยงานอย่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งให้ความสำคัญแก่สุขภาพคนไทย และมีงานวิจัยในทำนองนี้ออกมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว จะนำไปปรับใช้ทำสำรวจเองบ้าง ก็น่าจะได้ประโยชน์ยิ่งกว่าของAnxiety UK
อย่างไรก็ตาม ในแง่การนำผลสำรวจนี้ไปใช้งานจริงในบ้านเรา ยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจทำให้ไม่ตรงกับความเป็นจริง อาทิ สภาพสังคม วัฒนธรรรม สิ่งแวดล้อมการทำงาน ฯลฯ ซึ่งประเทศในเอเซียมีสภาวะกดดันทางสังคมที่แตกต่างจากประเทศทางตะวันตกอยู่ไม่น้อย ดังนั้น หากหน่วยงานอย่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งให้ความสำคัญแก่สุขภาพคนไทย และมีงานวิจัยในทำนองนี้ออกมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว จะนำไปปรับใช้ทำสำรวจเองบ้าง ก็น่าจะได้ประโยชน์ยิ่งกว่าของAnxiety UK
แนวทางการแก้ไขผู้ที่สำหรับผู้ที่ติดสมาร์โฟน
แม้ว่าข้อมูลทางสื่ออย่าง โซเชียลมีเดีย จะดีตรงที่ช่วยให้เราได้อัพเดทข้อมูลข่าวสารของจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งช่วยให้การติดต่อระหว่างเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน ๆ ได้ติดต่อกันอยู่เสมอแม้ไม่ต้องพบหน้า แต่ถ้าติดมากจนนั่งจ้องหน้าจอตลอดทั้งวัน หรือแม้กระทั่งเวลาจะไปไหนก็ต้องหยิบโทรศัพท์มือถือมาคอยเช็ดก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เพราะมันทำให้คนรอบข้างระอาจากการที่เวลานัดเจอแต่ละที แทนที่จะได้คุยกันให้หายคิดถึง กลับต้องมานั่งดูคุณเล่นโทรศัพท์แบบนี้ก่อนที่เพื่อน ๆ จะหายหน้าไปซะหมด ก็มาแก้นิสัยติดโซเชียลมีเดียของตัวเองดังต่อไปนี้
1. ยอมรับว่าตัวเองติดอันดับแรกต้องยอมรับกับตัวเองเสียก่อนว่าเป็นคนติดโซเชียลมีเดียจริง
ๆ ไม่ใช่อ้างว่าใคร ๆ เขาก็เล่นกันทุกวันหรือถือเป็นเรื่องปกติ
เพราะไม่ได้หมายความว่าต้องไปติดเหมือนอย่างคนอื่นเขาสักหน่อย
ดังนั้นถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนที่ต้องคอยเข้าเว็บพวกนี้ทุกวัน อย่างน้อยวันละชั่วโมง
2. เข้าใจว่ามันไม่ได้มีผลกับชีวิตการที่มีตัวตนในโลกออนไลน์
อาจไม่ได้แปลว่ามีชีวิตจริงที่ดีเสมอไป
เพราะเพื่อนในโลกออนไลน์เขาอาจไม่ได้เป็นคนที่ช่วยปลอบใจเวลาที่เศร้า เหงา
ไม่มีใคร เหมือนเพื่อนสนิทที่เจอหน้ากันอยู่ทุกวันก็ได้ นอกจากนี้
พวกเกมทั้งหลายแหล่ที่ทำให้ติดนักหนาก็ไม่ได้ทำให้เงินในกระเป๋าของคุณงอกเงยด้วยเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นเล่นพอขำ ๆ แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่านะ
3. จำกัดเวลาเล่นในเมื่อเลิกไม่ได้
ก็ไม่จำเป็นต้องถึงกับตัดขาดจากเว็บไซต์ แต่เพื่อไม่ให้ติดจนเกินไป ควรจัดเวลาว่าจะเล่นวันละกี่ชั่วโมง
โดยค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม
เพียงเท่านี้ก็จะไม่ติดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทั้งวัน
4. หางานอดิเรกใหม่ ๆ
ทำเพื่อเบนความสนใจของตัวเองมองหางานอดิเรกใหม่ ๆ มาทำแทนดู
โดยจะไปเข้าคอร์สเรียนพิเศษสิ่งที่ตัวเองสนใจ หรือจะหันไปออกกำลังกายเล่นกีฬากับเพื่อน
ๆ เผื่อจะได้เพื่อนใหม่เพิ่ม และช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ไปในตัวด้วย
5. อย่าจดจ่อมากนักคนบางคนก็ทุ่มเทชีวิตจดจ่อกับโซเชียลมีเดีย
ชนิดที่ว่าหลังโพสต์รูปอัพเดทสเตตัสไปแล้ว ก็ต้องนั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมทั้งวัน
เพื่อจะได้รู้ว่ามีใครมากดไลค์หรือคอมเม้นท์ให้ตัวเองบ้างแบบนาทีต่อนาที ทั้ง ๆ
ที่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิต
แถมยังทำให้เรายิ่งกลายเป็นคนที่เอาความคิดเห็นของคนรอบข้างมาเป็นใหญ่กว่าความคิดของตัวเองโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก
6. อยู่กับปัจจุบัน อย่าพยายามทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน ในขณะที่คุณอยู่ในที่ประชุมหรือมีการสนทนากับผู้อื่น
และในทุกที่ที่คุณคิดว่าคุณมีส่วนร่วมอยู่ด้วยแม้คุณจะเป็นเพียงแค่ผู้ฟังก็ตาม
คุณไม่จำเป็นจะต้องคอยเช็คโทรศัพท์มือถือทุกครั้งที่มีคนส่งข้อความ
บางครั้งการเปิด airplane
mode หรือการปิดโทรศัพท์ไปเลย
อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด
7. หามุมส่วนตัว หากคุณต้องการจะคุยโทรศัพท์ในเรื่องส่วนตัวกับใครก็ควรจะหามุมสงบที่เป็นส่วนตัวจะดีกว่า
8. มีสติและใจเย็น หากคุณอยู่ในที่สาธารณะและจำเป็นต้องรับโทรศัพท์หากบทสนทนามีแนวโน้มที่จะใช้อารมณ์ในการพูดคุยคุณควรใช้สติและใจเย็นๆ
อย่าแสดงอารมณ์โกรธเพราะมันไม่เป็นผลดีกับตัวคุณเองและอาจเป็นการรบกวนผู้อื่นอีกด้วย
9. เปิดโทรศัพท์เป็นระบบสั่น หรือปิดเสียงไปเลยเมื่อคุณต้องเข้าร่วมการประชุมหรืออยู่ในสถานที่สำคัญต่างๆเช่น วัด โรงเรียน โรงหนัง เพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้อื่น
9. เปิดโทรศัพท์เป็นระบบสั่น หรือปิดเสียงไปเลยเมื่อคุณต้องเข้าร่วมการประชุมหรืออยู่ในสถานที่สำคัญต่างๆเช่น วัด โรงเรียน โรงหนัง เพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้อื่น
10. หลีกเลี่ยงการตะโกน ควรใช้โทนเสียงปกติเมื่อคุณคุยโทรศัพท์
ผู้คนมักจะพูดเสียงดังกว่าปกติและมักจะไม่รู้ตัวซะด้วยว่าสร้างความรำคาญให้ผู้อื่น
11. หลบไปคุยที่อื่น ในขณะที่คุณรับประทานอาหารหรืออยู่ในที่ประชุมและจำเป็นต้องรับโทรศัพท์ควรบอกกล่าวให้คนบนโต๊ะทราบก่อนจะลุกออกไปคุยที่อื่น
ทางที่ดีคุณควรให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ตรงหน้าก่อนเป็นอันดับแรก
12. รับผิดชอบต่อการขับขี่รถยนต์ ไม่ควรรับโทรศัพท์หรือส่งข้อความขณะขับรถ
ควรใช้แฮนด์ฟรีเสมอคุณจะได้มีสมาธิในการขับขี่เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้อื่นบนท้องถนนด้วย
13. เก็บให้พ้นมือบ้าง เมื่อคุณต้องใช้เวลาอันมีค่ากับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงบ้างควรเก็บโทรศัพท์ของคุณไว้ให้ห่างตัวบ้างและพยายามไม่ตรวจเช็คโทรศัพท์เกิน 2-3 ครั้งต่อวัน
วิธีง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้ถ้าเคารพสิทธิของผู้อื่น
ช่วยกันเสริมสร้างนิสัยและการอยู่ร่วมกันทางสังคม เชื่อว่าจะได้ประโยชน์กลับคืนมาอีกมากมาย
และบางทีอาจทำให้นิสัยการติดโทรศัพท์ตลอดเวลาลดน้อยลงไปได้ด้วย
ถึงอย่างไรก็ตามผู้ใช้สมาร์ทโฟนคงเลี่ยงการใช้ไม่ได้เนื่องจากต้องการความยอมรับจากสังคมแต่ควรแบ่งเวลาให้เหมาะสมและรู้ประโยชน์และโทษของสมาร์โฟน
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง




